Learn about our medical treatment concept

Lifestyle Medicine  

การวางแผนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างมีคุณภาพตามหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) เน้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา (Active Participation) โดยมีแพทย์และทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมดูแลอย่างใกล้ชิด (Health and wellness coaches; HWCs) อาทิ นักกำหนดอาหาร นักกายภาพบำบัด เทรนเนอร์การออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เป็นต้น

  • การออกแบบการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Care) แตกต่างจากการรักษาทั่วไป โดยมีเป้าหมายการดูแลสุขภาพในด้านต่าง ๆ ได้แก่
  • การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย
  • การออกกำลังกาย เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและการใช้ชีวิต
  • การนอนหลับที่มีคุณภาพ
  • การจัดการกับความเครียด สร้างสภาวะทางอารมณ์ที่ดี มองโลกในเชิงบวก
  • การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมอันตรายต่าง ๆ เช่น สูบบุหรี่/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

Anti Aging & Regenerative Medicine

“เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ” เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในทุก ๆ ด้านที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์สุขภาพในการค้นหาสาเหตุ การตรวจวินิจฉัย และการให้คำแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือแนวทางการรักษาต่าง ๆ ที่อ้างอิงมาจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแบบสมบูรณ์สูงสุดคือภาวะที่ร่างกายมีความสมบูรณ์พร้อมในทุก ๆ ด้าน (เช่น สารอาหาร ฮอร์โมน และสารต้านอนุมูลอิสระให้อยู่ในระดับสมดุลที่สุด และมีสารพิษ สารอนุมูลอิสระที่อันตรายน้อยที่สุด)

หลักการในการป้องกันความเสื่อมและชราภาพ ต้องบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ เช่น

  1. ลดอนุมูลอิสระและเพิ่มสารแอนติออกซิแดนท์ (Free Radicals and Antioxidants)
    อนุมูลอิสระก่อให้เกิดความเสื่อมความชราของเซลล์ รวมไปถึงการกลายพันธุ์เป็นมะเร็งอีกด้วย ดังนั้น การหลีกเลี่ยงอนุมูลอิสระ และส่งเสริมสารแอนติออกซิแดนท์ก็เป็นแนวทางสำหรับการชะลอความเสื่อมนั่นเอง
  2. ลดกระบวนการเกิดภาวะไกลเคชัน (Glycation) ไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นบ่อย ๆ จากการบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลแล้วทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว (High Glycemic Index) จะส่งผลให้เกิดความเสื่อมของร่างกาย
  3. ลดภาวะการอักเสบ (Inflammation) เพราะการอักเสบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายตลอดเวลาเป็นสาเหตุของโรคคเสื่อมต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเสื่อม โรคสมองเสื่อมโรคข้อเสื่อม
  4. กำจัดสารพิษและสารโลหะหนัก (Toxins and Heavy Metals) แม้จะมีในระดับน้อย ๆ ที่ยังไม่เกิดอาการใด ๆ ชัดเจน ก็ส่งผลกระทบต่อการอักเสบและการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย
  5. สร้างสมดุลภาวะกรดด่างในร่างกาย (Acid-Base Imbalance) ภาวะด่างอ่อน ๆ เซลล์ภูมิคุ้มกันและเซลล์ต่าง ๆ จะแข็งแรงทำงานได้ดี แต่ในภาวะที่เป็นกรด เซลล์เหล่านั้นจะทำงานได้แย่ลง ในขณะเดียวกันเซลล์มะเร็งจะเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
  6. สร้างสมดุลฮอร์โมน ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายได้ด้วยการให้ฮอร์โมนชดเชยเสริมแบบธรรมชาติ ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย